ชู้เสียวกับหัวหน้า

เรื่องเสียว ชู้เสียวกับหัวหน้า

ฉันเป็นผู้หญิงเซ็กส์จัดถึงจัดมากคนหนึ่ง ฉันย้ายมาอยู่ใกล้ครอบครัวซึ่งเป็นเป็นคนใต้เดิมฉันเป็นคนโคราช ต้องย้ายที่ทำงานหลายแห่งเหมือนกันเพราะฉันรับราชการกระทรวงสาธารณสุข ฉันได้มาทำงานที่โรงพยาบาล อำเภอแห่งหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักเรียกว่าไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ
ตอนนี้ฉันอายุ 31 ฉันมีลูกตั้งสามคนแล้วโดยคนล่าสุด อายุ ได้ขวบกว่าๆ เรียกว่าฉันแต่งงานค่อนข้างเร็วคือพอจบพาณิชย์ปีสามปุ๊บฉันสอบได้งานปั๊บก็ แต่งงานเลย ฉันไม่ได้เป็นพยาบาลหรือสายงานอย่างพวกหมอๆ เค้าหรอกก็จบพาณิชย์แต่สอบบรรจุติดกระทรวงนี้ก็เลยได้ลงพวกธุรการหรือการ เงินทำนองนี้แหละ

สามีฉันเค้าทำงานคนละที่กับฉันคืออยู่คนละจังหวัดนานๆ จะกลับบ้านที ขานั้นมีเพื่อนฝูงเยอะกลับมาแต่ละทีขนเอาเพื่อนซึ่งเมามายมา ทั้งนั้น ก็เป็นภาระของฉันที่ต้องดูแลคนเหล่านี้ ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้(คือเมากันมา) บ่อยมาก หนักๆ เข้าฉันก็ขี้เกียจจะดูแลพวกเค้าเหมือนกันเตรียมของกินของใช้ไว้ให้แล้วก็ จัดการกันเอง ก็เพื่อนมากนักไง

ด้วยเหตุที่สามีมักมองข้ามเรื่องแบบนี้ไปมั้ง โดยอาจคิดว่ามีลูกตั้งสามคนแล้วคงไม่มัวพะวงอยู่กับเรื่องเหล่านี้แน่นอน (ไม่มีเวลาพอที่แม้จะคิด เพราะเจ้าทโมนสามตัวนั้นคงแย่งเวลาไปหมดแล้ว) แต่เค้าคิดผิดคงลืมไปว่าฉันเป็นคนเซ็กส์จัดประกอบกับอายุไม่มาก (น่าจะเป็นวัยกำดัด) จึงทำให้ฉันค่อนข้างอ้างว้างและว้าเหว่ เพราะฉันไม่ใช่คนที่นี่ ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของคนใต้ซักเท่าไหร่ ดังนั้นไฟโลกีย์ของฉันจึงลุกโพลงอยู่ในกายและในใจตลอด จนก่อนที่จะมาเกิดเหตุที่จะเล่าต่อไปนี้ฉันก็เป็นคู่นอนของผู้ชายไม่น้อย กว่าสามคน แต่ฉันจะยุ่งเป็นคนๆ ไป ไม่มั่วทีเดียวสามคน ในช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี

ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าสามีเค้าจะระแคะระคายบ้างหรือไม่แต่ทุกครั้ง ที่สามีมีเซ็กส์กับฉัน(ซึ่งประมาณเดือนละไม่เกินสองครั้ง) สามีก็ไม่เห็นแสดงอาการอะไรที่ส่อพิรุธเลย ฉันมีเชื้อของคนญวนผิวขาวซึ่งหากอยู่ในหมู่คนใต้แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็ จะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่นี่ นอกจากผิวขาวแล้วฉันจัดเป็นผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งสัดส่วนได้รูปน้ำหนักไม่ เกิน50 กก. สูง 165 ซม. หน้าอก 35 เอว 25 สะโพก 38 ตรงสะโพกนี่แหละใครมองคงต้องเหลียวหลังเพราะมันใหญ่ที่คนโบราณเรียกว่าสุด เสียงสังข์จริงๆ ถึงจะมีลูกแต่ก็มีทีเด็ดนะจะบอกให้ ไม่งั้นจะมีผัวอีกหลายๆ คนได้อย่างไรจริงมั๊ย

ตอนที่คลอดลูกคนแรกฉันกลัวมากที่จะคลอดเองด้วยมีการเล่าต่อๆ กันมา จึงบอกคุณหมอให้เอาออกทางหน้าท้อง ซึ่งแน่นอนคนต่อๆ มาต้องทำอย่างเดียวกันคือเอาออกทางหน้าท้องทั้งหมด จึงทำให้มีแผลซ้อนๆ กันอยู่บริเวณขอบกางเกงในสั้นๆ ยาวประมาณห้านิ้วขนาดก้านคอตตอนบัด แต่ก็แลกกับความคงเดิมของรูที่เด็กควรจะออกตามธรรมชาติของเค้าไว้ให้ใกล้ เคียงกับของเดิมมากที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ว่าเด็กจะไม่คลอดทางช่องคลอดแต่ด้วยเหตุที่ฉันใช้งานรูของ ฉันมากเกินไป (ที่มิใช่สามี) จึงไม่ค่อยมีความมั่นใจกับการนอนในระยะหลังๆ จึงตัดสินใจลงทุนไปยกเครื่องใหม่ (เฉพาะช่วงล่าง) ก็ล่อเสียหลายหมื่นเหมือนกันแต่ก็ได้ความมั่นใจกลับมาสุดๆ คุ้มเกินคุ้ม รู้งี้ไปทำเสียตั้งนานแล้ว

ฉันเคยเขียนไปหาหมอนพพรเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วซึ่งท่านตอบปัญหาทางเพศใน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ โดยที่คอลัมน์ของท่านจะดังมากแทบจะแย่งกันอ่านในสมัยนั้น ฉันถามถึงเรื่องอารมณ์ทางเพศที่รุนแรงและค่อนข้างมากของฉัน โดยฉันเล่ารายละเอียดในการนอนกับผู้ชาย (ที่ไม่ใช่สามี) ให้ท่านประกอบการตอบคำถามด้วย ปรากฏว่าแทนที่จะได้รับคำตอบท่านกลับสั่งสอนเสียยกใหญ่ บอกให้หันเข้าหาธรรมมะเสียบ้างจะได้เพลาๆ ลงท่านบอกว่าเรื่องทางเพศทุกคนที่ร่างกายปกติมันมีความรู้สึกกันได้ส่วนจะ มากหรือน้อยก็แล้วแต่บุคคล แต่ที่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการรู้จักเก็บความรู้สึกเอาไว้บ้างโดยเฉาะสตรี ไทยที่ต้องยึดถือขนบธรรมเนียมและศีลธรรมอันดี เท่านี้ท่านว่าคงจะช่วยได้และในตอนท้ายท่านบอกว่าแม้ว่าจะติดใจรสรักจากชาย อื่นที่มิใช่สามีของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง ดังนั้นต้องพยายามตัดใจและมีสามีเดียวจะดีที่สุด หลังจากที่ได้รับคำตอบครานั้นฉันจำได้ว่าไม่หันกลับไปอ่านคอลัมน์ของท่านอีก เลย

ฉันมาทำงานที่โรงพยาบาลได้ประมาณสามเดือนก็พอสนิทกับเพื่อนร่วมงานบ้างแต่ก็ ไม่มากนักด้วยนิสัยฉันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครซึ่งปกติจะดูเหมือนคนหยิ่งหากเทียบกับคนใต้ทั่วๆไป ที่ทั้งหญิงและชายมักจะสรวลเสเฮฮา และบังเอิญฉันมารู้จักหัวหน้าที่เป็นผู้ชาย ซึ่งก็เป็นคนขรึมๆ เช่นกัน หัวหน้าฉันอายุอ่อนกว่าฉันหนึ่งปีขณะที่ฉันมาทำงานปีแรกเค้าอายุสามสิบปีพอ ดี ยังโสดแต่มีแฟนแล้วนัยว่ามีแฟนหลายคนด้วย เค้าเป็นคนหน้าตาดีสไตล์คนใต้คือเข้มผิวดำแดงสูง 170 กว่าๆ ร่างกายแข็งแรงตามวัยของเค้าอีกอย่างเค้าชอบออกกำลังกายจึงทำให้หน้าตาและ ร่างกายดูดีสมวัย ด้วยความที่ทั้งเค้าและฉันไม่ค่อยจะพูดจึงไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ในช่วงแรกๆ แต่ล่วงเข้าเดือนที่หกฉันก็มีความสนิทกับเค้ามากขึ้นเพราะตอนนั้นฉันไปลง เรียน หลักสูตร กศ.บป. ที่สถาบันราชภัฎ ซึ่งคนทำงานจะนิยมเรียนกันมากในวันเสาร์อาทิตย์

ด้วยเหตุที่หัวหน้าฉัน เค้าค่อนข้างเรียนเก่งจึงขอคำแนะนำในหลายๆ วิชา แล้วเวลาที่พอว่างก็คือตอนเที่ยง ปกติตอนเที่ยงคนในห้องซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงก็มักจะชวนกันไปทานข้าวข้าง นอกบางคนที่บ้านอยู่ใกล้ก็กลับบ้าน จะมาอีกทีก็บ่ายโมงล่วงแล้ว ฉันนั้นมักจะหาเวลาว่างลงไปกินช่วงสิบโมงกว่าๆ เกือบทุกวันเพราะตอนเช้าจะไม่ทาน ส่วนหัวหน้าเค้าก็จะลงไปทานก่อนเที่ยงราวๆ สิบเอ็ดโมงครึ่งกับพรรคพวกเค้าพอตอนเที่ยงก็มักจะมาเป็นติวเตอร์ให้ฉัน ซึ่งฉันเรียกแทนตัวเค้าว่า “ตัวเอง” ส่วนเค้าเรียกฉันว่า “เจ๊นิด”

ในตอนเที่ยงของวันหนึ่งหลังจากที่เค้าช่วยติวให้ฉันมาได้ประมาณหนึ่งเดือน โดยในวันนั้นเค้าเริ่มติวให้ฉันไปได้ประมาณสิบนาที เค้าบอกว่าวันนี้ใจสั่นยังไงพิกล ฉันกลัวว่าเค้าจะเป็นอะไรไปจึงบอกถ้างั้นวันนี้ไม่ต้องติวก่อนก็ได้ แต่เค้าบอกไม่ใช่สั่นจะเป็นลมแต่สั่นเพราะอยู่ใกล้คนสวยต่างหาก ฉันก็คิดว่าเค้าจะมาไม้ใหนกันแน่จู่ๆ เกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่เคยปรากฏ (รึว่าปรากฏมานานแล้วแต่ฉันไม่รู้) เค้าไม่พูดเฉยๆ นะแต่ละจากหนังสือเข้ามากอดฉันเอาดื้อๆ อย่างนั้นแหละ เล่นเอาฉันงงเต็กไปเลยเพราะจะโกรธก็โกรธไม่ทันก็พวกเล่นจู่โจมอย่างนั้นใคร จะตั้งตัวได้

ห้องทำงานของหัวหน้าฉันเป็นห้องส่วนตัวไม่ใหญ่มากนักโดยอยู่ภายในห้องใหญ่ รวมอีกทีหนึ่งซึ่งตอนเที่ยงฉันจะล๊อคประตูห้องใหญ่ทั้งหมดและปิดม่านทุกบาน หน้าต่างเรียกว่าใครจะมาติดต่อธุระห้องนี้ก็ต้องเลยบ่ายโมงไปโน่นแหละห้อง จึงเปิดอีกครั้ง ส่วนห้องหัวหน้าก็มีประตูล๊อคได้อีกชั้นหนึ่งเช่นกันโดยเฉพาะห้องนี้ไม่ค่อย มีใครกล้าเข้าออกเท่าไรหากไม่จำเป็น ฉันจึงใช้ห้องนี้ให้หัวหน้าติวหนังสือ(และต่อมาติวอย่างอื่นด้วย)
“ตัวเองทำอะไรน่ะ….เค้าให้ตัวเองติวหนังสือให้เค้านะไม่ได้ให้ทำอย่างงี้” ฉันทำเป็นงอน
“หนังสือน่ะติวเมื่อไหร่ก็ได้ อีกหลายวันกว่าจะสอบ แต่วันนี้เค้าอยากลองอย่างอื่นดูบ้าง” เค้าทำเป็นกล้าที่จะตอบฉันซึ่งต่อมาเค้าบอกว่าเค้ากลัวโดนด่าและร้องโวยวาย มากที่สุดในตอนที่ตัดสินใจกอดฉัน
“ไม่เอานะตัวเอง….เอามือออกก่อน…เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง ใหญ่” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยงจากการกอดของเค้า แต่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุเค้ายิ่งกอดแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกและแถมด้วยหอมแก้ม
“ออกนะ…ไม่เอาจริงๆ ด้วย….ตัวเองก็รู้ว่าเค้ามีครอบครัวแล้ว..มีลูกแล้วด้วย…ทำอย่างนี้มัน ไม่ดีรู้มั๊ย….” ฉันพยายาม(แกล้ง) อ้อนวอนโดยยกเหตุผลง่ายๆ แต่แทนที่เค้าจะกลัวหรือสำนึกได้กลับเป็นเอามือสองข้างของเค้าประคองใบหน้า ฉันพร้อมทั้งจูบที่ปาก ฉันไม่ทันระวังช่วงที่กำลังขอร้องเค้าอยู่ปากเลยเปิดอยู่ทำให้เค้าเอาลิ้น เข้ามาในปากฉันได้
“อือ….อออ…อึม..มมมม…….อ้า..ส์ส์ส์…..”ฉันส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำ คอ เวลาผ่านไปสองสามนาทีเค้าก็ยังจูบปากฉันอย่างเมามัน เอาล่ะสิเรี่ยวแรงที่คิดจะผลักเค้าในตอนต้นขณะนี้ไม่รู้ว่ามันหายไปใหนหมด มือที่ห้อยอยู่แนบตัวและกำลังจะผลักอกเค้าเพื่อให้เค้าเลิกการกระทำกลับเป็น มือฉันสองข้างนี่แหละที่เริ่มโอบกอดแผ่นหลังเค้าแน่นขึ้นๆ
“อุ๊ย….ซี๊ด..ดดด…สสสส….อ๊าย…สสส….” ฉันเริ่มออกอาการเดิมของฉันยามเมื่อต้องมือชายขณะที่เค้าเริ่มคลายปากจากปาก ฉันจึงมีเวลาที่ฉันจะซี๊ดปากได้
“ตัวเองจะทำอะไรเค้าน่ะ…เดี๋ยวมีคนเห็นนะ….”ฉันเตือนเค้า
“ถ้างั้นก็ให้ความร่วมมือหน่อยสิจะได้เสร็จเร็วๆ” เค้ารีบตัดบท ฉันด้วยความกลัวที่คนจะเข้ามาเห็นจริงๆ จึงคล้อยตามเค้าทุกอย่างเหมือนแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่ง ในขณะที่ใจฉันว้าวุ่นว่าจะเอาอย่างไรดีในสถานการณ์แบบนั้นเพราะไม่เคยเจอคน รุกแบบสายฟ้าแลบเหมือนครั้งนี้มาก่อน อีกใจหนึ่งก็อยากลองเพราะเงี่ยนเต็มทนแล้วเรียกว่ากล้าๆ กลัวๆ จึงจะถูก แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าเจ้าหมอนี้กินดีหมีหัวใจเสือมาจากใหนจึงกล้าที่หักหาญ น้ำใจเราผู้มาใหม่ถึงเพียงนี้เรียกว่าแม้ว่าฉันจะยอมก็ไม่น่าจะรวดเร็วถึง เพียงนี้และเป็นสถานที่แบบนี้ ต่อมาภายหลังจึงรู้ว่าเค้าทำการบ้านเรื่องของฉันมามากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก เรียกว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน รู้ว่าฉันมีผัวมาแล้วกี่คน ใครบ้าง โดยเฉพาะรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงไฟแรงสูงแต่ซ่อนตัวเท่านั้น

“อย่าแหย่นิ้วเข้าไปตรงนั้น…มันเสียวมากรู้มั๊ย….อุ๊ย….ซี๊ด..ดดด.. สสส….ว้าย….ตายแล้ว…จะทำอะไรน่ะ..” ฉันตกใจมากขึ้นเมื่อเค้าผลักฉันเบาๆ ให้ก้มไปที่โต๊ะทำงานเค้าแล้วขณะเดียวกันเค้ารั้งกระโปรงซึ่งเป็นกระโปรง หลวมๆ แบบผ้าอัดกลีบรอบความยาวเลยเข่านิดๆ ซึ่งสมัยนั้นเป็นที่นิยมของผู้หญิงทำงานและก็เป็นความโชคดีของหัวหน้าที่ดึง กระโปรงทีเดียวก็ขึ้นไปกองอยู่ที่บั้นเอวแล้วไม่รอช้าเค้ารีบดึง กกน.ซึ่งฉันชอบใช้ชนิดผ้าสังเคราะห์เนื้อบางๆ ไม่รัดมากนักจึงง่ายในการถอดเรียกว่าดึงทีเดียวมากองอยู่ที่เท้าแล้ว ดูเหมือนเค้าทำงานแข่งกับเวลาจริงๆ เพราะหลังจากที่ดึง กกน. ฉันมากองที่ปลายเท้าแล้วเค้าก็รูดซิปดึงเอาหัวควยที่แข็งโด่อยู่นานแล้วออก มาถอกสองสามครั้งเห็นหัวแดงช้ำเลือดหัวบานโร่ขนาดประมาณ 6×6 ซึ่งแม้ว่ามันจะไม่ใหญ่มากนักแต่เป็นหัวควยที่ฉันพูดได้ว่าฉันชอบมากที่สุด ตั้งแต่เจอหัวควยมาแล้วจะเล่าให้อ่านในตอนต่อไป

เค้ารีบแม้กระทั่งตะขอกางเกงก็ไม่แกะออกเข็มขัดก็ยังรัดอยู่อย่างนั้นแค่เอา หัวควยโผล่ร่องซิบออกมาอย่างเดียวเหมือนผู้ชายกำลังจะไปฉี่แค่นั้นเอง โดยไม่รอช้าเค้าบอกว่าใกล้จะบ่ายโมงแล้วมัวเล่นมากไม่ได้ ฉันจะโอ้เอ้หรือจะมารยาอะไรก็ไม่ทันแล้วมาถึงขั้นนี้แล้วเอาไงก็เอากัน ว่าแล้วเค้าก็จ่อหัวควยที่บานเหมือนดอกเห็ดเข้าที่ร่องหีทางด้านหลังในท่า โก้งโค้งแล้วก็ดันเข้าใช้เวลาไม่นานนักหัวควยก็หลุดพรวดเดียวเข้าไปชนมดลูก ฉันเสียงดังกึกๆๆ ตามแรงกระแทกของเค้า
“โอย….เสียวควยจังเลยเจ๊จ๋า….อูย..ยย…..” เค้าใช้สองมือจับที่บั้นเอวแล้วซอยไม่ยั้ง เราคิดว่าหมอนี่ตายอดตายอยากมาจากใหนแม้ในห้องทำงานก็ไม่เว้น แต่ก็ได้เพียงคิด
“อุ๊ย….ยยย……เค้าก็เสียวนะตัวเอง….ว้าย….ยยย……เค้าแตกแล้ว นะ….”ฉันเผลอตัวพูดออกมาด้วยความเคยชินกับผัวคนก่อนๆ เมื่อยามน้ำแตกฉันจะพูดเพื่อเร่งกระตุ้นผู้ชายเพื่อให้เค้าภูมิใจและเร่งให้ ทำเร็วขึ้น
“เค้าก็จะออกแล้ว….อูย….ซี๊ด…ดด…เสียวควยจังเจ๊จ๋า….” เค้าก็รีบซอยหนักๆ ไม่เกินสิบนาทีฉันรู้สึกอุ่นวาบในช่องคลอดพร้อมๆ กับหีฉันตอดตุ๊บๆๆๆ เป็นจังหวะซึ่งนั่นบ่งบอกให้รู้ว่าฉันถึงสวรรค์วิมานแล้ว
“หีเจ๊ตอดดีจังเลย นี่ยังตอดควยเค้าอยู่เลย..แต่เค้าต้องเอาควยออกก่อนนะ..เดี๋ยวไม่ทัน” ว่าแล้วเค้าก็ถอยตัวออกจากฉันเสียงควยหลุดจากหีซึ่งกำลังตอดอยู่ตุ๊บๆ เสียงดังปล๊อค น้ำหีและน้ำควยที่ออกผสมกันมากมายหยดไหลตามพื้นเป็นทางจนฉันต้องควานหาทิชชู มาเช็ดเพื่อปิดร่องรอยอย่างรีบด่วนหลังจากดึง กกน.มาเข้าที่เรียบร้อยพร้อมเอากระโปรงลง ส่วนเค้าก็เก็บเจ้าโลกไว้ในกางเกงและรูดซิปแค่นั้นก็เรียบร้อย แต่ยังทำให้ฉันยืนงงๆ อยู่พักใหญ่ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นในที่ตรงนี้เมื่อครู่ที่ผ่านมา มันเหมือนฝันไปจริงๆ เมื่อหายงงแล้วฉันจึงเปิดประตูทั้งห้องหัวหน้าและประตูใหญ่ห้องรวมเพื่อเข้า ห้องน้ำ ก็จะปล่อยไว้ให้น้ำมันไหลออกมาประจานทำไมต้องรีบหาทิชชูพับเป็นแผ่นแทนผ้า อนามัยซับไว้ใน กกน. เพราะน้ำคนโสดมันหลั่งออกมามากมายจริงๆ

หลังจากทุกคนกลับเข้ามาทำงานแล้วไม่มีใครรู้ว่าเมื่อครู่ที่ผ่านมาฉันสร้าง วีรกรรมไว้กับหัวหน้า ฉันทำเป็นจับปากกามาเขียนเกี่ยวกับงานที่ฉันรับผิดชอบอยู่พักนึงเพื่อไม่ให้ ตื่นเต้นจนเกินไปแต่ก็ไม่หายฉันต้องออกไปเดินเล่นที่ระเบียงทางเดินเข็นคนไข้อยู่พักใหญ่ๆ จึงกลับเข้ามาทำงานอีกครั้งซึ่งครั้งหลังนี่ถ้าใครแอบสังเกตุจะเห็นฉันนั่ง อมยิ้มเล็กๆ เป็นยิ้มที่ให้แก่ความบ้าบิ่นของตัวเองและหัวหน้าที่กล้าเอากันกลางวันแสกๆ ในห้องทำงาน
เมื่อมีครั้งแรกคงไม่มีใครเชื่อว่ามันจะจบลงแค่นั้น แน่นอนมันต้องมีตอนต่อๆ ไป ซึ่งฉันจะเล่าตามความพอใจของฉันเพราะตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้วแยกตัวเองไปอยู่ กับลูกไม่ต้องกังวลเรื่องสามีให้กวนใจอีกต่อไป คอยติดตามนะคะ