พอทะเลาะกันบ่อย ผมก็ได้จับอวัยวะที่เข้าใกล้ส่วนที่สำคัญๆเข้าไปทุกที จับเอวมั่ง จับสะโพกมั่ง กอดมั่ง ยิ่งทะเลาะกันเธอก็ถูกผมรุกคืบเข้าใกล้จุดสำคัญทุกที จนกระทั่ง ได้จับนมจับจิ๋ม หอมแก้มแล้วก็ต่างฝ่ายทั้งล้วงทั้งควัก ผมดูดนมเธอ เธอดูดท่อนเอ็นผม บางทีผมน้ำแตกคาปากอีฟ อีฟก็กลืนลงคอหน้าตาเฉย นับว่าเราทั้งสองมีพัฒนาการในเรื่องนี้เร็วมาก

ในระยะหลังๆ ทุกเย็นกระทั่ง 2 ทุ่ม หลังเลิกเรียนผมจะขี่รถจักรยานซ้อนท้ายไปหามุมมืดๆ เพื่อสำเร็จความใคร่ให้กันและกัน เคยถูกคนแอบมอง ก็หลายครั้ง แต่ก็เป็นความตื่นเต้นปนเสียวไปอีกแบบนึง แต่ยังไม่เคยเอาท่อนเอ็นของผมได้เสียบรูจิ๋มของอีฟเลย มีอยู่ครั้งนึงที่ผมกำลังเล่นช่วยเหลือกิจกามให้กัน ผมแกล้งบอกว่า “ขอเอาท่อนเอ็นผมแทงรูตูดอีฟได้มั้ย?” อีฟก็บอกว่า “เอาสิ” ด้วยกำลังเสียวเต็มที่ด้วยวิชาดรรชนีบี้ติ่งของผม ผมก็เอาจ่อแล้วเสียบเข้าไปได้หน่อยเดียว พอดี มีแสงไฟรถมอไซด์ส่องเข้ามา ผมก็เลยเลิก แต่ในใจผมรู้แล้วล่ะ ว่างานต่อไป มีสิทธิ์ได้เอาท่อนเอ็นผมเสียบหอยอีฟแน่ๆ

หลังจากที่ผมเรียนจบ ก็ยังวนเวียนอยู่แถวมหาวิทยาลัย เช่าห้องพักอยู่ บางทีก็ชวนกันแอบเข้าไปในหอพักของเธอ ตอนปิดเทอม ผมแอบเล่นเสียวกันอย่างหลบๆซ่อนๆมาตลอด จนกระทั่งอีฟเรียนจบออกมา ผมก็ยังระหองระแหงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่บ่อยๆ สรุปลงท้ายก็เอาใจเธอด้วยการจับปล้ำแก้ผ้าดูดนม

พออีฟเสียวและร้องครวญครางมากจนได้ที่ ผมก็ล้วง’ขอบตาแพะ'(เป็นขอบตาวัวตากแห้ง มีขนหยาบๆรอบๆ)กะห่วง’ดาวกระจาย'(มีเส้นเอ็นค่อนข้างแข็งยาวประมาณเส้นละ 1 นิ้วเรียงสลับไขว้ย้อนไปย้อนมาโดยรอบของห่วง)ออกมา (ผมแอบไปซื้อมาเก็บไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว) ผมใช้ขอบตาแพะก่อน สวมไว้ที่รอยคอดของหัวบานบักของผม แล้วค่อยถอดเสื้อผ้าอีฟออกทีละชิ้น จนอีฟเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน นอนบิดไปมาด้วยความเงี่ยนและอาย ผมค่อยเสียบท่อนเอ็นของผมเข้าไปทีละนิดๆ

อีฟร้องว่า “เสียวจัง พี่ขา ๆ” พร้อมกับถ่างขากว้างจนติดผนังห้อง ซึ่งแคบประมาณ 3 เมตรกว่าๆ ส่วนขาอีกข้างผมยกพาดไว้บนบ่าพร้อมกับแทงลำท่อนเอ็นเข้าไปจนถึงปากมดลูก ดังกึกๆแล้วสาวเข้าสาวออก อีฟดิ้นพราดร้องเสียงน่าสงสารมาก แอ่นหีขึ้นๆลงๆ จนหำผมหลุดออกมาดัง’เพลาะ!!’ ผมรีบถอดขอบตาแพะออกจากท่อนหัวบานบัก แล้วเปลี่ยนเป็นห่วงดาวกระจายใส่ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้อีฟอารมณ์ขาดตอน แล้วค่อยเสียบเข้ารูจิ๋มของอีฟอีกครั้ง คราวนี้เข้าง่าย

อีฟดิ้นพล่าน..จนหัวกระแทกข้างฝาห้องดังตึง!ๆ! ร้องครวญว่า “เสียว..ๆ…โอย..ๆ…” ซี๊ดปากจนเผยออ้าลิ้นออกมาเลียริมฝีปากตัวเองไม่หยุด บอกว่า “ทั้งคันและเสียวข้างในมาก พี่เอาอะไรใส่เข้าไปด้วยน่ะ” จนผมต้องเอามืออุดปากอีฟ เพราะกลัวเสียงรอดออกไปนออกห้อง ผมแทงไม่ยั้งจนอีฟแอ่นโคกหขึ้นมาเด้งรับ สักพักผมทั้งคู่ก็สงบ ผมชักท่อนหำผมออกมาก็ปรากฏว่ามีเลือดแดงๆติดออกมาเป็นลิ่มๆ คงเป็นเลือดสาวของอีฟที่ถูกผมเบิกฤกษ์พรหมจรรย์เป็นคนแรก

กระทั่งผมมาอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน แต่เช่าห้องอยู่กันคนละที่ ผลัดกันไปหากันและกัน อีฟเช่าอยู่กับเพื่อนผู้หญิงที่ทำงานงานด้วยกัน ผมทำงานเป็นเซลล์ขายประกันชีวิต ส่วนอีฟเป็นพนักงานร้านฟาสต์ฟู๊ด มีลูกค้ามาจีบเยอะ เพราะอีฟถึงแม้จะเป็นคนไม่สวยเท่าไรแต่น่ารัก ทำหน้าตาอินโนเซ้นต์ได้สนิทเนียนดีมากๆ มีลูกค้าอยู่คนนึงชื่อ”พงษ์”ชวนอีฟไปเที่ยวหลังเลิกงานแทบทุกวัน อันนี้อีฟมาเล่าให้ผมฟังเอง เมื่อจะขออนุญาตผมไปเที่ยวกะหนุ่มที่มาติดพัน เพราะทนลูกตื้อไม่ไหว และอีฟบอกว่าเขาดูเป็นผู้ดีมาก สุภาพบุรุษ ขนาดรองเท้าอีฟสายหลุด เขายังก้มลงติดสายรัดรองเท้าให้เลย โดยไม่อายสายตาของคนทั้งร้าน

หลังๆอีฟพามาหาผมเลย ชายคนนี้ก็ซื้อบุหรี่นอกติดไม้ติดมือมาฝากผมประจำ พูดจาดีมาก จนผมคิดว่าเออนิสัยดี มีชื่อเสียง วงศ์ตระกูลก็ดี ส่วนผู้ชายอีกคนชื่อ”เปี๊ยก”ทำงานราชการ มาชวนอีฟไปเที่ยวเหมือนกัน เพราะอีฟเป็นคนที่ชอบมีหนุ่มๆพาไปเที่ยว ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วกับกลุ่มเพื่อนๆสาวของเธอ มีรถมารับไปเที่ยวดิสโก้เธคตลอดทุกอาทิตย์ แต่ผมไม่มีเงินพาอีฟไปเที่ยวไหนหรอก คือจนน่ะ ผู้ชายคนนี้ สนิทกะอีฟมาก จนกล้าชวนอีฟถ่ายแบบโป๊ พร้อมกับเอารูปผู้หญิงคนนึงนอนแก้ผ้าเปลือยจนเห็นทุกส่วนมาให้อีฟดูเป็นตัวอย่าง อีฟก็มาถามผมว่าจะอนุญาตให้เธอถ่ายมั้ย? ผมก็ถึงกับอึ้ง แต่ปากก็บอกว่า “อย่าถ่ายเลย เดี๋ยวถ่ายไปถ่ายมา อีฟเสร็จไอ้นี่ เสียตัวให้มันแน่ๆ” อีฟก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ยังคงไปเที่ยวไหนต่อไหนกันลำพังกับสองหนุ่มที่มาติดอีฟต่อไป

ช่วงนั้น มีผู้หญิงคนนึงมาติดพันผมชื่อ”อี๊ด” เธอทำงานอยู่ร้านขายเครื่องจักสานจากป่านศรนารายณ์ อยู่ที่สยามสแควร์ เรารู้จักกันเพราะโทรศัพท์สายมันพันกัน เลยต่างฝ่ายต่างถามรายละเอียดของกันและกัน และนัดเจอกันในที่สุดผมกะอี๊ด เที่ยวด้วยกัน เต้นรำด้วยกัน เพราะอี๊ดเป็นคนรูปร่างดี สวยมาก หน้าตาเหมือนสาวแขก แต่หุ่นบอบบาง ซึ่งมันเป็นสเป็กของผมอยู่แล้ว ผมกะอี๊ดแอบเล่นเสียวกัน จนอีฟจับได้ เลยต้องมาตกลงกันทั้งสามคน โดยอีฟว่า “ให้เลือกว่าจะเอาคนไหน?” อี๊ดก็เลยบอกว่า “อี๊ดขอเป็นที่สองก็ได้ เพราะมาทีหลัง” อีฟก็ไม่ว่าไร ขอตัวกลับก่อน เราก็เลยห่างกันไปพักนึง

วันนึงผมไม่สบาย ไม่มีเงินไปหาหมอ ไข้ขึ้นสูงมากจนเพลีย คอเจ็บเพราะอักเสบเป็นหนอง อีฟมาหาผมที่ห้องพอดี อีฟบอกว่า “พี่อู๊ด รออีฟแปบนึงนะ เดี๋ยวอีฟจะพาพี่ไปหาหมอ” อีฟหายไปสักสามชั่วโมง ก็พาผมนั่งแท๊กซี่ไปคลีนิกหมอ ฉีดยาเข็มนึงแล้วก็ให้ยามากิน ตอนนั้นผมก็ยังแอบคบหากะอี๊ดอยู่ เพราะยังติดใจในรสสวาทที่อี๊ดยอมให้ผมเล่นเสียวได้ทุกท่า แล้วอีฟก็จับได้คาหนังคาเขาเป็นครั้งที่สอง ผมอึ้ง อีฟร้องไห้วิ่งหนีไปจากห้อง ผมจะตามไป อ๊ออดก็จะไปด้วย ผมไม่รู้ทำไง เลยนอนต่อกะอี๊ดที่ห้อง แต่ใจยังห่วงอีฟอยู่

ขณะที่กำลังซอยเข้าๆออกที่รูหีอี๊ดอยู่ กะว่าเมื่อเสร็จแล้ว จะตามไปหาอีฟที่หอพัก ปรากฏว่าอีฟกลับมาอีก ถามว่า “ทำไมไม่ตามไปง้อ แถมยังมาเล่นท่าเอากันอยู่อีก ไม่ห่วงอีฟเลย” ตอนนั้นสักสามทุ่มได้ แล้วอีฟก็วิ่งหนีไปอีกทีนึง ผมบอกอี๊ดว่า “ขอเวลาไปดูอีฟหน่อยนะ ถ้าไม่ให้ไปผมก็ต้องเลิกกะอี๊ดเลยนะ” ผมตามไปหาอีฟที่หอพัก นานมากกว่าที่อีฟจะยอมลงมาเปิดประตูให้ผมเข้าไปในห้อง อีฟบอกว่า “พี่อู๊ด อีฟขออะไรอย่างนึงได้มั้ย?” “อะไร? พี่ยอมทุกอย่าง” อีฟบอกว่า “ให้พี่อู๊ดเอาอีฟแรงๆที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาท่าขอบเตียงก็ได้ มาสิพี่ มานี่” อีฟแก้ผ้าออก แล้วนอนรอบนเตียง ผมก็รีบสนองตอบอย่างสุดหัวใจ คืนนั้นผมเอากันอย่างหักโหม ตั้งแต่ท่าบนเตียง จนคลานลงมาที่พื้นห้อง อีฟดิ้นเร่าๆ ร้อนแรงอย่างบอกไม่ถูก ปลดปล่อยอารมย์อย่างเต็มที่ เสียงเธอครางครวญอย่างสะใจอะไรสักอย่าง

คืนนั้นพอเสร็จจากเอากัน อีฟขอให้ผมร้องเพลง ที่ผมเคยร้องให้เธอฟังครั้งแรกที่ผมโกรธกันครั้งแรก และผมร้องเพลงขอให้เธอให้อภัยผม ขึ้นต้นว่า “…ใจร้ายเหลือเกิน เธอเมินหน้าหนี ทำไม ฉันเลวแค่ไหน เหตุใดไม่ยอมยกโทษ ผิดมหันต์ปานใด จึงไม่คลายหายโกรธ ก็สุดแท้จะลงโทษทัณฑ์ เคยใช้อารมณ์ให้เธอขื่นขมตรมกาย ฉันเคยโหดร้ายให้เธอหัวใจไหวหวั่น กว่าจะรู้ความจริง สิ่งที่ฉันคิดสั้น กลับมาผลาญใจฉันเรื่อยมา…………….ฯลฯ……มาขออภัยให้เธอโปรดคิดปราณี นับตั้งแต่นี้ไม่มีแล้วการหาเรื่อง ซื่อต่อรักตรงแนว ดุจลูกแมวแสนเชื่อง เรื่องที่แล้วเธอจงอภัย…” อีฟนอนร้องไห้ ผมก็ร้องไห้

วันหนึ่ง ผมขายประกันชีวิตได้เคสนึง ได้ค่าคอมฯมาประมาณสามพันบาท ผมกะว่าจะชวนอีฟไปหาร้านอาหารดีๆสักร้าน เพื่อฉลองกันสองคน ผมเดินขึ้นไปบนชั้นที่อีฟเช่าห้องอยู่กับเพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกัน ผมมีกุญแจห้องอีฟ กะว่าถ้าอีฟไม่อยู่ผมก็จะนอนรอ พอเปิดห้องเข้าไป ไม่มีใครอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจคือในตู้เสื้อผ้าของอีฟ มีเสื้อผ้าและชุดชั้นในผู้ชายแขวนไว้หลายชุดเลย ชุดนอนก็มี ผมรออยู่สักพัก อีฟก็เข้ามาในห้อง พร้อมกับเพื่อนสาวร่วมห้องของเธอ และที่ตามมาอีกก็คือผู้ชายสองคน คนนึงคือเปี๊ยก คนที่เคยชวนอีฟถ่ายรูปโป๊ อีกคนนึงผมไม่รู้จัก

อีฟแนะนำให้ผมทั้งหมดรู้จักกัน อีฟบอกผมว่า “พี่อู๊ด อีฟรับถ่ายแบบโป๊ให้พี่เขาแล้วนะ แล้วก็ถ่ายไปแล้วด้วย” อีฟเอารูปที่ถ่ายไว้มาให้ผมดู พอผมเห็นผมก็อึ้ง พูดไม่ออก ใจเต้นตุ๊บๆๆๆ เพราะรูปถ่ายแต่ละรูปออกมาน่าเสียวไส้ทั้งนั้น อีฟเปลือยกายแก้ผ้า อวดร่าง สรีระหมดทุกท่าทาง อะร้าอร่าม แหกแข้งแหกขา ทำหน้าพริ้มเหมือนจะเสียวๆ มีอารมณ์ร่วม บางรูปก็มีผู้ชายแก้ผ้าแล้วเอาท่อนเอ็น มาทำทีทำท่าจ่ออยู่ที่รูตูดของอีฟบ้าง รูจิ๋มบ้าง บางรูปอีฟก็เอาปากอมท่อนผู้ชายแล้วหลับตายิ้มแก้มป่อง ทั้งหมดบอกว่า’เพียงแค่ทำท่าทางเท่านั้น ไม่ได้เอากันจริงๆหรอก ไม่ได้สอดใส่เข้าไปในรูจิ๋มของอีฟ’ ผมก็เออๆออๆไปตามเรื่อง เพราะไม่รู้จะทำยังไงแล้วนี่นะ ใจก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

วันรุ่งขึ้นผมกลับบ้านไปเยี่ยมพี่สาวที่แปดริ้ว อาทิตย์กว่าๆ จึงกลับไปหาอีฟที่หอพัก เพื่อนสาวของอีฟไม่อยู่แล้ว แยกไปอยู่กะแฟนต่างหาก เหลืออีฟเช่าอยู่คนเดียว แต่เสื้อผ้าของผู้ชายยังอยู่ แต่คราวนี้มีหลายไซด์หลายขนาด เชื่อว่าเจ้าเสื้อผ้าคงไม่มีคนเดียวเป็นแน่แท้ อย่างน้อยต้องสี่ห้าคนขึ้นไป รองเท้าก็มีหลายเบอร์วางเรียงราย กางเกงในผู้ชายก็หลายขนาด วางซ้อนกันในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ก้นบุหรี่หลายก้น หลายยี่ห้อ ยังอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ แปรงสีฟันก็หลายอัน ทั้งใหม่และเก่า

ผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าจอทีวี กะว่าจะเปิดดูสักพักรออีฟ เผื่อว่าเดี๋ยวอาจจะกลับมา มันมีม้วนวิดิโออยู่ม้วนนึงคาอยู่ในเครื่อง ผมจึงเปิดดูไปด้วย นึกว่าอาจเป็นหนังเอ็กซ์ที่ผมเคยดู (ตอนนั้นอีฟยังดูไม่เป็นเลย อีฟดูได้แป็บเดียวก็ปิด บอกว่า “พี่อู๊ดทู่เรส หนังน่าเกลียดจะตายไป ดูเข้าไปได้ยังไง ไม่เห็นมีอารมณ์” )

ในหนังที่ปรากฏบนจอทีวี เป็นภาพผู้ชายห้าหกคนกำลังมะรุมมะตุ้มสาวคนนึง ที่นอนเหยียดยาวแก้ผ้าอล่างฉ่าง บิดไปบิดมา เพราะผู้ชายคนนึงกำลังเลียหี อีกคนดูดนม อีกคนดูดสะดือ อีกสองคนจับข้อเท้าถ่างแยกออก เท้าทั้งคู่ของผู้หญิงตวัดไขว้ไปมา มือสองข้างก็ถูกผูกยึดติดไว้กับหัวเตียง เรียกว่าท่านี้ผู้หญิงได้แต่ส่ายเพราะความเสียวอย่างเดียว แถมที่รูตูดยังมีเครื่องไวเบรเตอร์ ขนาดเบ่อเร่อเทิ่มเสียบคารูตูดอยู่อีกอันนึง ชายสองคนเลียที่ขาคนละข้าง เลียตั้งแต่หัวเข่า ยันง่ามนิ้วเท้าของผู้หญิง ช่วยกันดูดนิ้วเท้าและซอกนิ้วเท้า อย่างกะเลียไอติมแท่งหวานเย็น

คนที่เลียหีเริ่มจับท่อนเอ็นของมันออกมารูดขึ้นรูดลง มันเอาปลายเงี่ยงหัวบานชำแหละเข้าไปในรูหีของผู้หญิงก่อน เสียงผู้หญิงร้องครวญคราง บอกว่า “เอาเลยพี่ ใส่เข้ามาให้มิดเลย ทนไม่ไหวแล้ว พี่ขา…” ไอ้นั่นมันชักเข้าชักออกไวๆตามคำเรียกร้องของฝ่ายหญิง “พี่เอาอีก…. กระเด้าแรงๆเลย..พี่จ๋า…” ส่วนอีกคนเอาลิ้นละเลงหัวนมและรักแร้ ไล่ไปตามซี่โครงลงมาจนถึงเอว สักพักพวกมันก็หยุด แล้วช่วยกันแก้มัด จับเอาผู้หญิงคุกเข่าตัวราบคว่ำหน้าลงไปบนที่นอน กางสะโพกให้ฉีกกว้างขึ้นอีก จนเห็นรูตูดของหญิงสาวลอยเด่นขึ้นมา ไอ้นั่นเอาไวเบรเตอร์ที่เสียบคารูตูดหญิงสาวออก แล้วเอานิ้วล้วงเข้าไปในรูตูดพร้อมกับคว้านเป็นวงกลมไปมา ฝ่ายหญิงก็ส่ายร่อนตาม คล้ายจะชำนาญว่าเคยโดนท่าเอารูตูดมาแล้วจึงรู้งาน พวกนั้นช่วยกันเอารูตูด โดยผลัดกัน คนละประมาณห้านาที บางคนก็น้ำแตก บางคนก็บอกว่าเดี๋ยวขอหลั่งข้างในรูจิ๋มดีกว่า

เมื่อครบทั้งห้าคน ก็จับผู้หญิงนอนหงาย เอาหมอนสองใบมาเรียงซ้อนกัน แล้วสอดเข้าไปใต้ตูดของผู้หญิง ให้แอ่นสูงขึ้น เน้นแคมหีนูนจนเห็นติ่งแพลมออกมา สองคนช่วยกันจับขาแหกออกซ้ายขวา เพื่อให้อีกคนแทรกเข้าไปเอารูหีได้ถนัดๆ อีกสองคนผลัดกันดูดหัวนม จูบปากแลกลิ้นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ผู้หญิงส่ายหัวไปมา เอวก็ร่อนเป็นจังหวะรับและรุก ตามที่ชายคนนึงกำลังกระเด้าเอวเอาท่อนเอ็นเข้าใส่รูหี ..เส้นผมของเธอสะบัดไปมาตามแรงกระแทก พร้อมกับร้องเสียงครางครวญโอดโอย ไม่หยุดปาก “เร็วๆเข้า พี่ขา… จะออกแล้ว…. กระเด้าแรงอีก…พี่จ๋า โอย…. พี่ขา… อีฟ… อีฟ…จะออกแล้ว…พี่ขา ว้าย….พี่ขา ออกแล้วซี๊ด อูยยย.. พี่เสียวจัง….” ไอ้คนที่กำลังกระเด้า ชักเอาควยของมันออกมาจ่อปากหญิงสาว ที่เสยผมขึ้นแล้วอ้าปากอม แล้วดูดๆๆท่อนบักของคนที่ชักเอาออกมาจนมิดลำ หน้าหญิงสาวคุ้น จนต้องเขยิบไปเพ่งดูใกล้ๆ นั่นนๆๆ…. ผมตะลึง

“นั่นมัน…อีฟนี่นา …อีฟจ๋า….อีฟของพี่!!!”

ผมผละออกมาจากห้องอีฟในทันที ด้วยความอลม่านในหัว และเจ็บจี๊ดๆหัวอกหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงห้องตัวเองตอนไหน หลังจากรวบรวมสติสตังได้ ผมเก็บข้าวของและคืนห้องขอย้ายออก และออกเดินทางลงใต้ไปอย่างไร้จุดหมาย และไม่เคยคิดจะกลับกรุงเทพฯ หรือกลับไปพบกับทั้งอืฟหรืออี๊ดอีกเลย ผมดื่มเหล้าหนักตลอดหลายเดือนหลังจากนั้น ราวกับจะฝังเรื่องราวทั้งหมดให้จมหายไปจากชีวิต ผมได้แต่ภาวนาให้เธอๆทั้งสองมีความสุขยิ่งๆขึ้นไปตลอดชีวิต ….ต่อมาผมก็เริ่มทำใจได้ และกลับมาดำเนินชีวิตให้อยู่รอด โดยเข็ดกับรักและตัณหาไปเลย….